ยาเลื่อนประจำเดือน ใช้ยุติการตั้งครรภ์ได้ แต่ต้องใช้อย่างถูกวิธีและเหมาะสม ตามวิจารณญาณและคำแนะนำของแพทย์อย่างใกล้ชิด
ในประเทศไทย ผู้หญิงสามารถยุติการตั้งครรภ์ด้วยวิธีที่ถูกต้องได้ หนึ่งในนั้นคือการใช้ยาเลื่อนประจำเดือน โดยสามารถกินได้แม้ว่าจะผ่านการมีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว แต่มีเรื่องที่ควรรู้ก่อนใช้วิธนี้ และก่อนใช้ยังแนะนำให้เข้ารับการตรวจร่างกายและรับคำแนะนำจากแพทย์อย่างละเอียดก่อนเสมอ
ยายุติการตั้งครรภ์ / ยาทำแท้ง
สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ยายุติการตั้งครรภ์ / ยาทำแท้ง ที่องค์การอนามัยโลกให้การยอมรับ ประกอบด้วยตัวยา 2 ชนิด คือ Mifepristone หรือ RU486 ( 200 มิลลิกรัม ) และ Misoprostal หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไซโตเทค Cytotec ( 200 ไมโครกรัม )
- ยา Mifepristone หรือ RU486 ขึ้นทะเบียนในประเทศไทยเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2557 เพื่อใช้ในอายุครรภ์ที่ไม่เกิน 9 สัปดาห์
- ยา Misoprostal ขึ้นทะเบียนในประเทศไทยเพื่อการรักษาโรคกระเพาะอาหาร และรักษาโรคทางนรีเวช เป็นยาควบคุมพิเศษ หาซื้อตามร้านขายยาไม่ได้ ต้องใช้ภายใต้การกำกับของแพทย์
ใครที่สามารถใช้ยายุติการตั้งครรภ์ / ยาทำแท้ง ได้บ้าง
- ผู้หญิงอายุ 18-45 ปี
- มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้คุมกำเนิด ไม่ว่าจะก่อน หรือหลังมีเพศสัมพันธ์แล้ว
- ไม่อยู่ในเกณฑ์อันตรายต่อการใช้ยายุติการตั้งครรภ์ / ยาทำแท้ง เช่น
- เป็นโรคไต หรือโรคต่อมหมวกไตขั้นรุนแรง
- เป็นโรคเลือดขั้นรุนแรงมีภาวะเลือดออกไม่หยุด
- เป็นโรคปอดรุนแรงหรือหอบหืดต้องใช้ยาควบคุมอาการ
- การตั้งท้องนั้นเป็นท้องนอกมดลูก ( เกิดได้ 1-2% ของการตั้งครรภ์ทั้งหมดต้องตรวจอัลตร้าซาวด์เท่านั้นจึงจะทราบ )
ข้อควรระวังในการใช้ยายุติการตั้งครรภ์ / ยาทำแท้ง
นพ.อมร แก้วใส ผู้ประสานงานเครือข่าย RSA (Referral system for safe abortion) ระบุข้อควรระวังก่อนใช้ยายุติการตั้งครรภ์ / ยาทำแท้ง ที่ควรทราบ ดังนี้
- ควรตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนจริงๆ ว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นจริง โดนตรวจทั้งที่ตรวจครรภ์แบบใช้ปัสสาวะ และอัลตราซาวด์เพื่อตรวจอายุครรภ์ และดูว่ามีการตั้งครรภ์นอกมดลูกหรือไม่
- ไม่ควรใช้ยายุติการตั้งครรภ์ / ยาทำแท้ง หากมีคนอื่นบังคับให้เราทำแท้ง หรือมีโรคดังนี้
- โรคเลือดออกผิดปกติ
- โรคต่อมหมวกไต
- ตั้งครรภ์นอกดมดลูก
- ใส่ห่วงอนามัยค้างอยู่ ( ต้องเอาห่วงออกก่อนใช้ยา )
- แพ้ยาไมโซโพรสตอล Misoprostol (ไซโตเทค) หรือ โพรสตาแกลนดิน
- ควรมีเพื่อนหรือคนที่คุณไว้ใจได้ อยู่กับเมื่อคุณใช้ยานี้ เพื่อช่วยเหลือยามฉุกเฉิน
- ในอายุครรภ์ก่อนถึง 13 สัปดาห์ พบมากกว่า 75% จะแท้งภายใน 24 ชม. หลังเริ่มอมยา บางรายอาจนานกว่าและที่เหลือส่วนใหญ่จะแท้งเองภายใน 72 ชม. มากถึง 95% และสามารถเริ่มใช้ยารอบใหม่ได้จนแท้งสมบูรณ์
- ในอายุครรภ์ 13-20 สัปดาห์ ( ต้องทำในโรงพยาบาล ) พบว่าประมาณ 50% จนแท้งภายใน 10-15 ชม. หลังเริ่มอมยา และแท้งสมบูรณ์ภายใน 24 ชม. สูงถึง 80-90% และที่เหลือส่วนใหญ่จะแท้งภายใน 72 ชม.
- การยุติตั้งครรภ์ตามกฎหมายโดยแพทย์ ( และตามข้อบังคับของแพทยสภา ) ทำได้ด้วยเหตุผลที่จะเป็นอันตรายต่อผู้ตั้งครรภ์ทั้งทางสุขภาพกาย และสุขภาพจิต หรือเป็นการตั้งครรภ์ที่เกิดจากการกระทำผิดทางอาญา เช่น ถูกข่มขืน ล่อลวง บังคับ ในผู้ตั้งครรภ์ที่อายุน้อยกว่า 15 ปี ถือว่าเป็นการตั้งครรภ์ที่เกิดจากการกระทำผิดทางอาญา ไม่ต้องมีใบแจ้งความก็สามารถยุติตั้งครรภ์ได้ตามกฎหมาย ถ้าผู้ปกครองและผู้ตั้งครรภ์ร้องขอ
ข้อมูล :สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข , โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย , https://www.rsathai.org/
ภาพ : https://allwellhealthcare.com/ ( รูปภาพใช้อ้างอิงเพื่อสื่อว่าเป็นการรับประทานยา )
==================================================